มุมวิศวกร
ตอนที่ 3
ภัยแผ่นดินไหวในงานโครงสร้าง...ตอนที่ 1
เขียน 15/9/47

แหล่งอ้างอิง :
ตำราวิชาการ "การวิเคราะห์โครงสร้าง" โดย ดร.สมพร อรรถเศรณีวงศ์
:
หนังสือดงตาลสัมพันธ์ '47 ม.เกษตรศาสตร์ บทความวิชาการ " แผ่นดินไหว...ภัยที่วิศวกรโครงสร้างควรตระหนัก" โดย ดร.สมพร อรรถเศรณีวงศ์

 


มาทำความรู้จักกับแรงแผ่นดินไหว (Earthquake) กันเถอะ

          สวัสดีครับ...มุมวิศวกร ตอนที่ 3 ขอหยิบเอาเรื่อง "แรงแผ่นดินไหว" ซึ่งเป็นภัยที่วิศวกรโครงสร้างอย่างพวกเราควรจะตระหนักและศึกษาไว้บ้างก็ดีนะครับในฐานะที่อยู่ในสายงานที่ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (ความแข็งแรงของโครงสร้าง) โดยเฉพาะบนพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า เช่น เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ฯลฯ หรือจะพิจารณาจากกฎกระทรวงฉบับที่ 49 ซึ่งบ้านเราได้มีการกำหนดเป็นโซนต่างๆ ไว้ ดังนั้น โครงสร้างควรได้รับการออกแบบหรือตรวจสอบให้สามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ โดยเทียบจากระดับความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

          ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับพฤติกรรมและสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวเบื้องต้นก่อนดีกว่า เมื่อภายใต้เปลือกโลกเกิดการเคลื่อนตัวของแนวรอยเลื่อน (Faults) จึงเกิดการปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้อนุภาคของพวกชั้นดิน/หิน/ทราย ต่างๆ มีการปรับสมดุลย์ของเปลือกโลกให้เข้าที่จึงเคลื่อนตัวด้วย ความเร่ง (a) ต่างๆ ในทุกทิศทางทั้งแนวราบ (แกน x) และแนวดิ่ง (แกน y) โดยทั่วไปในการออกแบบความเร่งทางแนวดิ่งจะไม่ถูกนำมาพิจารณาเพราะมีน้ำหนักของโครงสร้างเองกดทับอยู่ ส่วนความเร่งทางแนวราบจะเป็นแรงตามแนวราบกระทำกับโครงสร้างตาม "กฎของแรง" ของนิวตัน ทำให้โครงสร้างเกิดการโยกสั่นไหวกลับไป - มาทางด้านข้าง เป็นลักษณะการแกว่งแบบคาบ (Period) คล้ายการแกว่งของตุ้มนาฬิกาจนกว่าจะหยุดด้วยมวล (m) เอง ดังภาพจำลองรูปที่ 1


รูปที่ 1 ภาพจำลองแสดงการโยกตัวของโครงสร้างเนื่องจากแรงแผ่นดินไหว

          การโยกตัวจะมีระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับความชะลูดของโครงสร้าง ฉะนั้น วิศวกรจึงควรออกแบบให้โครงสร้างสามารถรับแรงเนื่องจากแผ่นดินไหวได้และมีค่าการโยกตัวไม่ควรเกินค่าที่มาตรฐานกำหนด
          ค่าความเร่งเนื่องจากแผ่นดินไหว (a) จะเรียกในรูปของร้อยละของความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก (g) ตัวอย่างเช่น a = 0.05g หมายถึง แผ่นดินไหวมีขนาด 5% ของค่า g เป็นต้น
          ขนาดของแผ่นดินไหว (Scale) มีหน่วยเป็น มาตราริคเตอร์ (Richter Scales) ซึ่งความรุนแรงของแผ่นดินไหว (Intensity) นั้นจะขึ้นอยู่กับ ขนาดของการไหว ระยะทางจากศูนย์กลางการไหวมายังโครงสร้าง และระยะเวลาที่ไหว โดยทั่วไปมักออกแบบให้โครงสร้างหลัก (Main Structures) สามารถต้านแรงแผ่นดินไหวได้แต่ยอมให้โครงสร้างรอง (Secondary Structures) เสียหายได้บ้าง

สูตรและวิธีการคำนวณแรงแผ่นดินไหว

          มาตรฐานที่นิยมใช้ในการออกแบบอาคารเพื่อต้านแรงแผ่นดินไหว (Design Code) คือ UBC Code ของอเมริกา (Uniform Building Code) ซึ่งการคำนวณหาแรงแผ่นดินไหวมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่สะดวกและนิยมใช้กันมากในงานอาคาร คือ วิธี Lateral Load Analysis หรือวิธี Base Shear Analysis โดยแปลงแรงแผ่นดินไหว (Dynamic Load) ให้อยู่ในรูปของแรงเฉือนกระทำที่ฐานของอาคารแบบ Static Load ซึ่งสามารถหาได้จากสูตร

สูตรที่ 1
V = Z I K C S Wd
……(1)
หรือ
 
สูตรที่ 2
V = a Wt
……(2)

เมื่อ

V
=
Total base shear
Z
=

Seismic zoning factor
กลุ่มพื้นที่ที่แบ่งตามความรุนแรงและความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหว โดย UBC แบ่งไว้ 5 โซน คือ

โซน
0
1
2
3
4
ค่า Z
0
3/16
3/8
3/4
1

ประเทศไทย มี 2 โซน คือ -> Zone 1 (Z = 3/16) : พื้นที่ทั่วไป รวมทั้ง กทม.
-> Zone 2 (Z = 3/8)  : ภาคเหนือและแถบตะวันตกตอนบนของประเทศ
I
=

Occupancy important factor (1.0 - 1.5)

แฟคเตอร์ความสำคัญของอาคาร เช่น
ค่า I
- อาคารและบ้านพักอาศัยทั่วไป
1.0
- อาคารที่จุคนมากกว่า 300 คน
1.25
- สถานที่สำคัญต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล สถานฑูต ศูนย์กลางการสื่อสาร ฯลฯ
1.5
เป็นต้น
K
=

Frame factor

แฟคเตอร์ลักษณะของโครงสร้าง เช่น
ค่า K
- อาคารทั่วไป
1.0
- โครงข้อแข็งหรืออาคารที่ใช้วัสดุเหนียว เช่น โครงสร้างเหล็ก
0.67
- อาคารที่มี Shear Wall
0.80
- อาคารแบบ Box System
1.33
- ถังเก็บน้ำบนเสาสูง
2.5 - 4.0
เป็นต้น
C
=

ค่าสัมประสิทธิ์ซึ่งขึ้นกับคาบ (Period) การแกว่งของอาคาร

โดย T = คาบของการแกว่งของอาคาร หน่วยเป็น วินาที

ค่า T จะขึ้นอยู่กับประเภทและรูปทรงทางเรขาคณิตของโครงสร้าง สามารถคำนวณได้โดยตรงจากโปรแกรมวิเคราะห์ทาง Dynamic เช่น ETABS, SAP etc. ในกรณีโครงสร้างทั่วไป เราอาจหาค่า T จากสูตรที่ UBC แนะนำ ดังนี้

  กรณี อาคารที่ประกอบด้วย Shear Wall
-> T =
หรือ กรณี อาคารที่ประกอบด้วยโครงข้อแข็ง
-> T = 0.1N
เมื่อ
h = ความสูงของอาคาร หน่วยเป็น เมตร
D = ความกว้างของอาคารในทิศเดียวกับแรงแผ่นดินไหว
N = จำนวนชั้นของอาคาร
S

=

Soil factor (1.0 - 1.5)

แฟคเตอร์เกี่ยวกับชั้นดินที่ตั้งของอาคาร
ค่า S
- Rock
1.0
- Sand and Stiff Clay
1.25
- Soft to Medium-Stiff Clay
1.5
Wd
=
Total dead loads of structure
WT
=
Total dead loads and live loads of structure
a
=

Base shear coefficient
สัมประสิทธิ์ที่ระบุเกณฑ์ความรุนแรงของแผ่นดินไหวในประเทศนั้นๆ เช่น ประเทศไทย ค่า = 0.03 (3% ของค่า g, อยู่ในระดับรุนแรงน้อย), อินโดนีเซีย = 0.15 (15% ของค่า g, ค่อนข้างรุนแรง), ญี่ปุ่น = 0.2 (20% ของค่า g, รุนแรงมาก) เป็นต้น

 


มึนหน่อยนะครับ... เพราะส่วนแรกที่ได้นำเสนอมานี้ค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางทฤษฎีมากหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่วิศวกรผู้ออกแบบอย่างพวกเราๆ ควรรู้ จะได้นำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต แล้วคอยพบกับ "วิธีการคำนวณและการกระจายแรงแผ่นดินไหว พร้อมตัวอย่างประยุกต์ใช้งานจริงอย่างเป็นรูปธรรม" ในตอนหน้า นะครับ...สา-หวัด-ดี